ตามธรรมชาติร่างกายมนุษย์สร้างอนุมูลอิสระขึ้นมาเอง และมีสารต้านอนุมูลอิสระรักษาสมดุลไม่ให้มีอนุมูลอิสระส่วนเกิน หากแต่ปัจจัยภายนอกอย่างการสูบบุหรี่ การสัมผัสรังสี โลหะหนัก และมลภาวะเป็นเวลานานๆ รวมถึงความเครียด และการรับประทานอาหารผิดๆ เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระมากผิดปกติ เกิดเป็นความไม่สมดุลที่เรียกว่า oxidative stress ซึ่งเป็นตัวทำลายเซลล์ดีๆ ของร่างกาย และเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ มากมาย ทั้งความแก่ โรคข้อต่างๆ ต้อกระจก หลอดเลือดแข็ง ภาวะอักเสบต่างๆ รวมถึงมะเร็ง
รู้ทันอนุมูลอิสระ...ช่วยเอาชนะความแก่!!!
รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำให้คนเรา “แก่เร็ว” คือความเจ็บป่วย โดยเฉพาะการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่าง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนลงพุง ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากอนุมูลอิสระที่มากเกินไปในร่างกาย หากแต่ข้อมูลความเข้าใจเรื่องอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระยังมีอยู่อย่างจำกัดและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง วันนี้เฮอร์เวิลด์มีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องและปลอดภัยมากฝาก
เมื่อร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระมาให้เพียงพอ จึงจำเป็นที่เราจะต้องปรับการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีสารหรือสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย และหารับประทานง่ายมากสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินอี วิตามินซี และ สังกะสี (Zinc)
ในขณะที่ทางทฤษฎีมีสิ่งต้องห้าม ซึ่งจะช่วยชะลอความแก่ได้ อาทิเช่น งดจินตนาการเชิงลบ ปัจจุบัน คนเมืองและคนวัยทำงานต้องเผชิญกับความเครียดสะสมอย่างมากทั้งจากงานและการใช้ชีวิต จนทำให้เกิดจินตนาการเชิงลบ และเพราะจิตใจของคนเราเชื่อมโยงกับร่างกายโดยตรง ดังนั้นความคิดเชิงลบจะทำให้เราไม่เป็นสุข เกิดความเครียดทางอารมณ์ สะสมลงสู่จิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว ทำให้ร่างกายเกิดเจ็บป่วยตามความคิดไปด้วย
ความอ้วนกับวิถีดำรงชีวิตและอาหารการกินของคนสมัยใหม่ ซึ่งก็เอื้อให้คนส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วนกันง่ายขึ้น หลายคนอาจคิดว่าตนเองไม่ได้อ้วน แต่แค่มีพุงนิดหน่อย แต่อันที่จริงแล้ว การอ้วนลงพุงนั้นอันตรายมาก ซึ่งความอ้วนและอ้วนลงพุงนี้ เป็นสาเหตุของโรคมากมาย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์-อัมพาต โรคตับอักเสบ-ตับแข็ง โรคข้อและกระดูก และแม้กระทั่งมะเร็ง
งานวิจัยหลายชิ้นบ่งชี้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ติดรสหวานโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นเราลดการบริโภคน้ำตาล เพราะน้ำตาลเปรียบเหมือนสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ยิ่งรับประทานยิ่งอร่อย ทั้งที่ในความเป็นจริงร่างกายคนเราต้องการน้ำตาลเพียงครึ่งช้อนชาต่อวัน พอเกิดการสะสมของน้ำตาลในร่างกายมากเกินความจำเป็น ก็จะนำมาสู่โรคภัยต่างๆ
หนึ่งในคำแนะนำในเรื่องการทานอาหารคือการงดบริโภคไขมันทรานส์ เพราะย่อยสลายได้ยากกว่าไขมันชนิดอื่น เช่น ครีมเทียมในกาแฟพร้อมเสิร์ฟ ขนมเค้กหรือเบเกอรี่ ฯลฯ การเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงแบบนึ่ง ต้ม หรือย่าง โดยมีสิ่งห่อหุ้มระหว่างอาหารกับที่ย่าง เช่น ใบตอง จะปลอดภัยต่อร่างกายมากกว่าแบบทอด
ในขณะเดียวกันก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว แต่ควรหาแหล่งโปรตีนอื่นที่มีคุณภาพรับประทานแทน เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ธัญพืชต่างๆ เห็ดชนิดต่างๆ โดยเฉพาะหากใครที่ต้องการลดน้ำหนัก เมนูเห็ดเป็นเมนูที่ดีที่สุดเพราะไม่มีน้ำตาล ไม่มีไขมัน อุดมด้วยโปรตีนและใยอาหาร”
สนับสนุนเนื้อหา
นิตยสาร Her World